พังงา...ท่าจะไม่งาม
ผมนั้นติดใจเมืองพังงาที่เป็นเมืองหลวมๆ ค่าที่พักไม่แพง สองทุ่มร้านรวงปิดกันเงียบโดยไม่ต้องประกาศเคอร์ฟิว คนทั้งจังหวัดแค่สองแสนกว่าคน ติดทะเลอันดามันไปซีกหนึ่ง ติดภูเขาไปอีกค่อนจังหวัด เมืองนี้จึงสวยแทบทุกมุมมอง ธรรมชาติสุดๆ ใครมาขับรถเที่ยวที่นี่รับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง แค่ในตัวเมืองก็น่าเที่ยวแล้ว
เพราะเมืองนี้ย่านตัวเมืองถือว่าเป็นเมืองที่มีภูเขา หินปูนมาก ขนาบเมืองก็ว่าได้ ขนาดว่าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สวนสาธารณะของเมืองยังมีภูเขาหินปูนเป็นส่วนประกอบหล ักเลย ในเมืองมีภูเขาช้างโดดเด่น ดูเผินๆ เหมือนช้างกำลังหมอบ ภูเขาช้างนี้ถ้ามาจากทางภูเก็ตก็เด่น มาจากทางท้ายเหมืองก็เห็นชัด แล้วที่สำคัญดันมีถ้ำที่ลอดใต้ภูเขาด้วย ผมเคยเขียนถึงถ้ำพุงช้างไปปีที่แล้วแต่ก็ยังประทับใจ อยู่ดี ถ้ำนี้เป็นลักษณะถ้ำน้ำลอด จะไม่เหม็นอับ อากาศจะเย็นสบาย หินย้อยเป็นแบบหินย้อยลงลำธาร มันจึงมักมีลักษณะแผ่ออกเหมือนดอกไม้บาน แล้วยังเป็น 'ถ้ำเป็น' (ถ้ำที่ยังมีการก่อเกิดหินงอกหินย้อยอยู่)ตลอด จึงดูไม่แห้ง ไม่มีฝุ่นเกาะ และมักมีธาตุเหล็กเคลือบอยู่ หินย้อยที่นี่จึงดูมีสีสัน ไม่แห้งๆ ซีดๆ อย่างที่เราคุ้นเคยกับถ้ำทั่วๆ ไป ถ้ามาช่วงหน้าฝน ดูเหมือนว่าจะมีน้ำตกในถ้ำด้วย ใช้เวลาไม่มากราวๆ ชั่วโมงก็เที่ยวเสร็จแล้ว
ทีนี้เราลองอ้อมไปด้านหลังภูเขาช้างที่มีวัดถ้ำคูหาส วรรค์เป็นจุดขาย วัดนี้ถูกบรรจุเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของบริษัททัว ร์ทั้งหลายที่มาจากภูเก็ต ดังนั้นคนอาจจะเยอะหน่อย ที่สำคัญลิงก็เยอะครับ ระวังข้าวของให้ดี วัดแห่งนี้เป็นถ้ำหินปูนที่มีโพรง ลักษณะของเพดานถ้ำทะลุ จึงมีอากาศระบาย ภายในปูกระเบื้อง มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ และพระพุทธรูปอื่นๆ ประดิษฐานภายใน มีทางเดินขึ้นไปด้านบนที่มีโพรงถ้ำอีกห้องปีนป่ายขึ้ นไปดูอะไรได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้ำที่นี่ ดูจะเป็นถ้ำตายแล้ว หินงอกหินย้อย ดูเก่าๆ ฝุ่นเขรอะ ยิ่งไปเห็นนักท่องเที่ยวที่ไกด์ไม่บอกมารยาท วัฒนธรรมประเพณีไทยด้วยแล้ว เราจึงเห็นภาพนักท่องเที่ยวผู้หญิงขึ้นไปนั่งตักพระพ ุทธรูป บางคนเอาหน้าไปแนบพระพักตร์พระพุทธรูป ทำเป็นจูบปากพระพุทธรูปหรือเขียนชื่อตัวเองในหินงอกห ินย้อย เราคนไทยดูแล้วอาจหงุดหงิดครับ
นี่เป็นตัวอย่างของการปล่อยปละละเลยของผู้ที่เกี่ยวข ้อง ที่ให้มีช่องว่างทางกฎหมายที่ไกด์ไทยถูกจ้างแค่ให้มา เป็นไม้กันหมา ส่วนการบรรยายจริงๆ ดันเป็นรัสเซีย จีน สัญชาติเดียวกับนักท่องเที่ยวไปซะฉิบ คนบรรยายก็ไม่รู้วัฒนธรรมไทย นักท่องเที่ยวจึงทำอะไรที่เราอาจจะหงุดหงิดเมื่อได้เ ห็นอย่างนี้
เลยที่นี่ไปอีกหน่อย จะเป็นวนอุทยานน้ำตกรามัญ ที่นี่มีน้ำทั้งปี เป็นน้ำตกเล็กๆ แต่ละชั้นสูงไม่มาก แต่มีหลายชั้น ร่มรื่น เหมาะกับการเล่นน้ำ และมีที่กางเต็นท์พักแรม รวมถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินขึ้นไปตามชั้นน้ำตกต่ างๆ ได้ด้วย หน้าฝนน้ำจะมาก ทั้งดอกไม้ป่าก็จะผลิบาน ใครไปพังงาไม่เคยไปที่นี่ลองดูเลยครับ
นี่เป็นตัวอย่างของการปล่อยปละละเลยของผู้ที่เกี่ยวข ้อง ที่ให้มีช่องว่างทางกฎหมายที่ไกด์ไทยถูกจ้างแค่ให้มา เป็นไม้กันหมา ส่วนการบรรยายจริงๆ ดันเป็นรัสเซีย จีน สัญชาติเดียวกับนักท่องเที่ยวไปซะฉิบ คนบรรยายก็ไม่รู้วัฒนธรรมไทย นักท่องเที่ยวจึงทำอะไรที่เราอาจจะหงุดหงิดเมื่อได้เ ห็นอย่างนี้
เลยที่นี่ไปอีกหน่อย จะเป็นวนอุทยานน้ำตกรามัญ ที่นี่มีน้ำทั้งปี เป็นน้ำตกเล็กๆ แต่ละชั้นสูงไม่มาก แต่มีหลายชั้น ร่มรื่น เหมาะกับการเล่นน้ำ และมีที่กางเต็นท์พักแรม รวมถึงเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินขึ้นไปตามชั้นน้ำตกต่ างๆ ได้ด้วย หน้าฝนน้ำจะมาก ทั้งดอกไม้ป่าก็จะผลิบาน ใครไปพังงาไม่เคยไปที่นี่ลองดูเลยครับ
เราย้อนกลับมาทางตัวเมืองอีกครั้งหนึ่ง ไปที่บ้านถ้ำน้ำผุด ที่นี่มีของดีที่น่าสนใจคือ ถ้ำซำ ถ้ำที่ว่านี้เป็นเพิงถ้ำหินปูนธรรมดาๆ ไม่ลึกมาก แสงส่องถึง แต่ที่น่าสนใจคือ ผนังถ้ำของที่นี่ มีรูปวาดจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งผมดูแล้วจะเป็นคล้ายๆ ทางจีน ผสมกับพื้นเมืองปักษ์ใต้ คือจะเป็นรูปทางศาสนาและสภาพบ้านเมืองยุคนั้น แต่ด้วยลีลาของลายเส้น การใส่สีจะเป็นกลิ่นไอแบบจีนๆ และพื้นเมืองอย่างที่บอก เห็นว่าทางกรมศิลปากร โดยสำนักโบราณคดีที่ภูเก็ตมาสำรวจตรวจสอบแล้ว และสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุราวๆ ต้นรัตนโกสินทร์ ช่วง พ.ศ. 2394-2453
ผมพยายามไปค้นหาข้อมูลมาเพิ่มให้ท่านผู้อ่านแล้ว ปรากฏว่าไม่มีที่ไหนเอ่ยถึงมากกว่า 2 บรรทัด เลยตามเรื่องถึงสำนักโบราณคดีที่ภูเก็ต ปรากฏว่าก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากกว่ากันนัก ก็ไม่รู้ว่าไม่มีข้อมูลเพิ่ม หรือไม่เอาข้อมูลมาเผยแพร่ แต่ผมว่าถ้าระดับทางกรมศิลปากรมาสำรวจน่าจะมีข้อมูลม ากกว่า 2 บรรทัดนะครับ สรุปว่าไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเลย ทั้งๆ ที่ถ้ำและรูปวาดน่าสนใจมาก และไม่มีการดูแลที่ดีเกรงจะมีคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไป ทำลายให้เสียหายซะก่อนด้วย ฝากท่านผู้ว่าฯ พังงาคนใหม่ดูแลหน่อยครับ
เส้นทางไปถ้ำซำนี้ ทางจังหวัดเขาทำถนนอ้อมเมือง เลียบไปกับคลองพังงาเลียบเชิงเขาทอย ที่เป็นภูเขาหินปูนอีกลูกหนึ่งที่ขนาบตัวเมืองพังงาอ ยู่ เส้นทางสายนี้สวยมาก น่าขี่จักรยานเล่น เพราะเห็นแม่น้ำเห็นเขาช้างเบื้องหน้า แล้วย่านนี้เคยเป็นพื้นที่แก้มลิงที่คอยรับน้ำของเมื องพังงามาแต่ไหนแต่ไร เลยมีต้นเฟื้อ(ธูปฤาษี) มีเหงือกปลาหมอ มีนกน้ำ มาใช้บริการพื้นที่อยู่เสมอ
แต่น่าเสียดายที่พื้นที่นี้กำลังถูกถมเป็นเนื้อที่นั บร้อยไร่ เพื่อจะสร้าง “คุกอันดามัน” ซึ่งคุกอันดามันที่ว่านี้เขาจะเอานักโทษในจังหวัดที่ ติดทะเลอันดามันที่กระทำความผิดมาขังรวมกัน ที่นี่ก็จะเป็นคุกที่ใหญ่โต เมืองพังงาก็คงจะได้ชื่อว่าเมืองคุก เห็นว่ามีกระแสคนพังงาเขาแย้งกันว่าไม่อยากให้มาสร้า งในเมืองแบบนี้ ควรจะเอาออกไปให้อยู่ไกลเมืองหน่อยก็ได้ ส่วนเหตุผลของทางกรมราชทัณฑ์นั้นเพื่อเป็นการรองรับก ารเปิด AEC ที่จะมีคนต่างชาติเข้ามาทำงานในบ้านเรามาก ก็เลยเตรียมการไว้ ซึ่งถ้าเปิด AEC แล้วคนจะเข้ามาทำผิดในบ้านเราขนาดต้องสร้างคุกใหญ่โต ไว้รองรับขนาดนี้ แสดงว่ากฎหมายบ้านเรามันป้อแป้เสียเต็มทีจนใครๆ ก็ไม่กลัว เข้ามาทำผิดในไทยสบายใจ กรมราชทัณฑ์ดูแลอย่างดี มีโทรศัพท์ให้ใช้ในคุก สบายไป นี่มันคุกนะครับ ไม่ใช่โรงแรม!
ผมพยายามไปค้นหาข้อมูลมาเพิ่มให้ท่านผู้อ่านแล้ว ปรากฏว่าไม่มีที่ไหนเอ่ยถึงมากกว่า 2 บรรทัด เลยตามเรื่องถึงสำนักโบราณคดีที่ภูเก็ต ปรากฏว่าก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากกว่ากันนัก ก็ไม่รู้ว่าไม่มีข้อมูลเพิ่ม หรือไม่เอาข้อมูลมาเผยแพร่ แต่ผมว่าถ้าระดับทางกรมศิลปากรมาสำรวจน่าจะมีข้อมูลม ากกว่า 2 บรรทัดนะครับ สรุปว่าไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรเลย ทั้งๆ ที่ถ้ำและรูปวาดน่าสนใจมาก และไม่มีการดูแลที่ดีเกรงจะมีคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไป ทำลายให้เสียหายซะก่อนด้วย ฝากท่านผู้ว่าฯ พังงาคนใหม่ดูแลหน่อยครับ
เส้นทางไปถ้ำซำนี้ ทางจังหวัดเขาทำถนนอ้อมเมือง เลียบไปกับคลองพังงาเลียบเชิงเขาทอย ที่เป็นภูเขาหินปูนอีกลูกหนึ่งที่ขนาบตัวเมืองพังงาอ ยู่ เส้นทางสายนี้สวยมาก น่าขี่จักรยานเล่น เพราะเห็นแม่น้ำเห็นเขาช้างเบื้องหน้า แล้วย่านนี้เคยเป็นพื้นที่แก้มลิงที่คอยรับน้ำของเมื องพังงามาแต่ไหนแต่ไร เลยมีต้นเฟื้อ(ธูปฤาษี) มีเหงือกปลาหมอ มีนกน้ำ มาใช้บริการพื้นที่อยู่เสมอ
แต่น่าเสียดายที่พื้นที่นี้กำลังถูกถมเป็นเนื้อที่นั บร้อยไร่ เพื่อจะสร้าง “คุกอันดามัน” ซึ่งคุกอันดามันที่ว่านี้เขาจะเอานักโทษในจังหวัดที่ ติดทะเลอันดามันที่กระทำความผิดมาขังรวมกัน ที่นี่ก็จะเป็นคุกที่ใหญ่โต เมืองพังงาก็คงจะได้ชื่อว่าเมืองคุก เห็นว่ามีกระแสคนพังงาเขาแย้งกันว่าไม่อยากให้มาสร้า งในเมืองแบบนี้ ควรจะเอาออกไปให้อยู่ไกลเมืองหน่อยก็ได้ ส่วนเหตุผลของทางกรมราชทัณฑ์นั้นเพื่อเป็นการรองรับก ารเปิด AEC ที่จะมีคนต่างชาติเข้ามาทำงานในบ้านเรามาก ก็เลยเตรียมการไว้ ซึ่งถ้าเปิด AEC แล้วคนจะเข้ามาทำผิดในบ้านเราขนาดต้องสร้างคุกใหญ่โต ไว้รองรับขนาดนี้ แสดงว่ากฎหมายบ้านเรามันป้อแป้เสียเต็มทีจนใครๆ ก็ไม่กลัว เข้ามาทำผิดในไทยสบายใจ กรมราชทัณฑ์ดูแลอย่างดี มีโทรศัพท์ให้ใช้ในคุก สบายไป นี่มันคุกนะครับ ไม่ใช่โรงแรม!
ผมเป็นนักท่องเที่ยวผมไม่อาทรร้อนใจที่ที่นี่จะเป็นเ มืองคุก ผมไม่ชอบใจ ไม่สบายใจ ผมก็ไปเที่ยวที่อื่นได้ แต่คนพังงาถ้าเขาไม่ชอบใจเขาจะทำยังไง นี่บ้านของเขา ราชการทำอะไรไม่ถามไถ่ อยู่ดีๆ ท่านก็ถมพื้นที่รับน้ำ บอกจะสร้างเมืองใหม่ มีโน่นนี่นั่นอยู่ในเมืองใหม่เสร็จสรรพ แต่ดันไม่บอกเขาก่อนว่าจะมีคุกใหญ่โตตามมาด้วย แล้วพังงาเมืองเล็กๆ แค่ปัจจุบันยังหาคนมาอยู่ให้แน่นยังยาก จะสร้างเมืองใหม่ไปทำไม พังงาขายรูปลักษณ์ ขายความเป็นเมืองสงบเอาคุกตารางมาเฉียดใกล้ เป็นใครใครก็ไม่ชอบ
จากเมืองน่าอยู่จะกลายเป็นเมืองที่คนไม่กล้าเฉียดกรา ยไปใกล้เพราะจะเป็นเมืองขี้คุกนี่แหละ ถึงผมไม่ใช่คนพังงา แต่ว่าเมื่อรักเมืองนี้เข้าไปแล้ว ก็ขอบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการเอาคุกมาใส่ในเมืองนี้ด้ วยคน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ..
จากเมืองน่าอยู่จะกลายเป็นเมืองที่คนไม่กล้าเฉียดกรา ยไปใกล้เพราะจะเป็นเมืองขี้คุกนี่แหละ ถึงผมไม่ใช่คนพังงา แต่ว่าเมื่อรักเมืองนี้เข้าไปแล้ว ก็ขอบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการเอาคุกมาใส่ในเมืองนี้ด้ วยคน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ..